เร่งนำเครื่องจักรเข้าพื้นที่ ซ่อมถนน 1093 ภูซาง-ภูชี้ฟ้า-เวียงแก่น

เร่งนำเครื่องจักรเข้าพื้นที่ ซ่อมถนน 1093 ภูซาง-ภูชี้ฟ้า-เวียงแก่น ส่วนสะพานเบลีย์ที่บ้านปางค่าต้องจำกัดน้ำหนักไม่เกิน 8 ตัน หลังรถหนักฝืนข้าม เสี่ยงสะพานพัง!

วันที่ 28 ส.ค. 67 จากกรณีที่เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของ จ.เชียงราย จนบนดอยสูงเกิดดินสไสด์ ส่งผลให้ถนนหลายแห่งได้รับผลกระทบจากน้ำป่า ทำให้ถนนขาด ดินถล่มปิดทับเส้นทางสัญจร โดยเฉพาะถนนหมายเลข 1093 ที่เป็นเส้นทางไปภูชี้ฟ้า แหล่งท่องเที่ยวชมทะเลหมอกชื่อดังของ จ.เชียงราย เกิดดินถล่ม ถนนขาด ในหลายจุด ที่ผ่านมาเกิดฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถนำเครื่องจักรเข้าซ่อมแซมถนนได้ และอีกเส้นทางที่เชื่อมไปถึงภูชี้ฟ้าก็คือถนนหมายเลข 1155 เทิง-เวียงแก่น สะพานข้ามน้ำหงาวที่บริเวณบ้านปางค่า ซึ่งโดนน้ำป่าไหลบ่าซัดสะพานพัง และได้มีศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 1 (พิจิตร) นำเอาสะพานเหล็กถอดประกอบ หรือ สะพานเบลีย์ มาติดตั้งเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเป็นการชั่วคราว เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา

แต่หลังจากติดตั้งได้ไม่กี่วัน ทางแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2 ได้ตรวจพบความผิดปกติของสะพานเบลีย์ที่นำมาติดตั้งที่บ้านปางค่า ม.8 ต.ตับเต่า อ.เทิง เนื่องจากตอม่อค้ำยันบริเวณกลางสะพานเบลีย์เกิดการเอียง เนื่องจากมีรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ได้ฝ่าฝืนขับข้ามสะพานดังกล่าว หลังจากตรวจพบความผิดปกติของสะพาน นายศุภวิชญ์ จูเปรมปรี รอง ผอ.แขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ได้นำป้ายจำกัดน้ำหนักและความสูงของรถมาติดตั้งบริเวณดังกล่าว โดยจะอนุญาตให้รถที่มีน้ำหนักไม่เกิน 8 ตัน และความสูงของรถไม่เกิน 2.5 เมตร ส่วนรถที่มีน้ำหนักและส่วนสูงของรถที่เกินกว่ากำหนดจะไม่ให้ข้ามโดยเด็ดขาด เนื่องจากสะพานเบลีย์ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาสูง ชุดละประมาณ 40-50 ล้านบาท ต้องใช้งานอย่างระมัดระวัง

ส่วนที่ถนนทางหลวง 1093 ภูซาง-ภูชี้ฟ้า-เวียงแก่น ที่ผ่านมาไม่สามารถนำเครื่องจักรลงพื้นที่ เพื่อซ่อมแซมถนนบรรเทาความเดือดร้อนให้อย่างในทันที เนื่องจากยังมีฝนตก และมีโอกาสที่ดินจะสไลด์ตลอดเวลา จึงจำเป็นที่จะต้องรอให้ฝนหยุดตกเสียก่อนจึงจะสามารถทำงานได้ แต่อย่างไรก็ตามหลังจากชาวบ้านสัญจรออกนอกพื้นที่ไม่ได้หลายวัน ก็มีบางส่วนที่ไม่เข้าใจในสถานการณ์และติติงความล่าช้าในการทำงานของเจ้าหน้าที่ และยังมีสื่อบางสำนักได้หยิบยกเอาเรื่องดังกล่าวไปนำเสนอข่าว จนกระทบต่อขวัญกำลังใจต่อผู้ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ ซึ่งหลังจากได้รับทราบปัญหาและความเดือดร้อนดังกล่าว ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ รีบสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งลงพื้นที่ แม้สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยในการทำงานอย่างเต็มที่ก็ตาม

ล่าสุด นายกิตติ์ธเนศ โลหิตกาญจน์ ผอ.ศูนย์สร้างทางลำปาง ได้มอบหมายให้นายสวัสดิ์ ปิงฟอง รอง ผอ.ศูนย์สร้างทางลำปาง นายคมกริช น้องการ ผอ.ฝ่ายควบคุมงานก่อสร้าง นายนัทธวัฒน์ สุทธิภัทร์วินิธิ นายช่างโครงการฯ นำเครื่องจักรและบุคลากรของศูนย์สร้างทางลำปาง เข้ามาช่วยแก้ปัญหาภัยพิบัติ ทางหลวงหมายเลข 1093 สายขุนห้วยไคร้-ผาตั้ง โดยมีเครื่องจักร ประกอบด้วย รถแบ็คโฮ จำนวน 4 คัน รถบรรทุกดั้ม 6 ล้อ จำนวน 6 คัน และบุคลากร จำนวน 15 คน ลงพื้นที่ซ่อมแซมถนนสายดังกล่าว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา ไปจนกว่าภาระกิจเสร็จลุล่วง เส้นทางสามารถสัญจรได้สะดวก ปลอดภัย โดยเร็วที่สุด

ร่วมแสดงความคิดเห็น