เปิดปฏิบัติการ “รุมกินโต๊ะ” บุกจับ ผอ.กองช่าง คาโต๊ะทำงานพร้อมพวก เรียกรับเงินค่าออกใบอนุญาต

ด่วน! สอบสวนกลางร่วม ป.ป.ช. -ป.ป.ท.เปิดปฏิบัติการ “รุมกินโต๊ะ” บุกจับ ผอ.กองช่าง คาโต๊ะทำงานพร้อมพวก เรียกรับเงินค่าออกใบอนุญาต เลขาปปท เผยช่วงหลังพบหลายรายรีบกอบโกยก่อนเกษียณราชการ

วันที่ 16 ต.ค.67 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช บุกเข้าจับกุมนายบุญนิธิ อายุ 59 ปี ผอ.กองช่าง เทศบาลตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้คาโต๊ะทำงาน ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ที่ 18/2567 ลงวันที่ 15 ต.ค.67 พร้อมของกลางเป็นเงินสดที่พบในห้องทำงาน 70,000 บาท

ช่วงเวลาเดียวกันยังเข้าจับกุม นายทัญเทพ อายุ 46 ปี ผู้ช่วยช่างเขียนแบบ เทศบาลตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ที่ 19/2567 ลงวันที่ 15 ต.ค.67 สถานที่จับกุมบ้านพักในอำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และ นายเอกชัย อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงใหม่ ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ที่ 20/2567 ลงวันที่ 15 ต.ค.ค.67สถานที่จับกุม เทศบาลนครเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

โดยกล่าวหาว่า การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1,2 เป็นความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุ จริต” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาถูก มาตรา 149 ,157 ประกอบมาตรา 83

และการกระทำของผู้ต้องหาที่ 3 เป็นความผิดฐาน “สนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียก รับหรือยอยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และสนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ,157 ประกอบมาตรา 86

พฤติการณ์คดีนี้เริ่มขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2567 ผู้เสียหายได้มาพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลสันผีเสื้อ จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการอนุญาต และเขียนแบบแปลนเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการร้านอาหาร ในการขออนุญาตก่อสร้าง และในเรื่องแบบแปลน

โดยเมื่อประมาณต้นเดือน เม.ย.67 มีผู้ประกอบการร้านอาหารแห่งหนึ่ง ประสานงานผ่านนายเอกชัยฯ ผู้ต้องหาที่ 3 เพื่อเข้าพบนายบุญนิธิฯ ผู้ต้องหาที่ 1 และนายทัญเทพฯ ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลฯ เพื่อจะสร้างร้านอาหารในพื้นที่ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

ทั้งสามรายได้เดินทางไปพบกับผู้ประกอบการ ณ พื้นที่ที่จะใช้ก่อสร้างร้านอาหาร และได้ยื่นข้อเสนอว่าหากต้องการก่อสร้างร้านอาหารจะต้องมีการขออนุญาต และเขียนแบบแปลน มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาท ผู้เสียหายได้ขอต่อรองราคา จนเหลืออยู่ที่ 90,000 บาท โดยแบ่งจ่าย 2 ครั้งให้ผู้ต้องหาที่ 3 ได้มีการก่อสร้างอาคารจนแล้วเสร็จและได้ดำเนินกิจการตามปกติ แต่เนื่องจากกิจการร้านอาหาร มีการต่อเติมอาคารเพิ่ม ผู้ประกอบการจึงได้เข้ามาพบ นายทัญเทพฯ ผู้ต้องแจ้งให้ทางเทศบาลทราบ นายทัญเทพฯ จึงเรียกเงินเพิ่มอีกเป็นจำนวนรวม 18,000 บาท อ้างว่าเพื่อเป็นค่าเขียนแบบแปลนใหม่ ,ค่าใช้จ่ายในการลงนาม และออกใบอนุญาตใหม่

จากนั้นได้มีการติดต่อไปหาผู้ประกอบการเรียกเงิน โดยอ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบอาคารอีกจำนวน 48,000 บาท และมีค่าใช้จ่ายในการลงนามของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อีกจำนวน 70,000 บาท รวมแล้วเป็นเงินกว่า 200,000 บาท ที่มีการเรียกเพิ่มเติมอย่างไม่มีสาเหตุ ทั้งที่ผู้ประกอบการได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายแล้วทุกประการโดยค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่แท้จริงนั้นเพียงแค่ประมาณ 600 บาท ทางผู้เสียหายนั้นจึงเกิดความคับแค้นใจที่ถูกกลุ่มของผู้ต้องหาบีบให้ทำการจ่ายเงินจำนวนเกือบ 200,000 บาทซึ่งเป็นการเรียกรับแบบไม่จบไม่สิ้น จึงได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ บก.ปปป. จนนำมสู่ดารสืบสวนจับกุม และจากการสอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาทุกรายยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ บอกว่าจากการตรวจสอบพบว่านายมูลนิธิมีทรัพย์สินอยู่จำนวนมากเบื้องต้นได้มีการอายัดรถหรูไว้ 2 คันเพื่อตรวจสอบ นอกจากนี้ยังพบว่ามีบุคคลใกล้ชิดบางคนมีทรัพย์สินจำนวนมากด้วยเช่นกันซึ่งได้หลังจากนี้จะมีการขยายผลตรวจสอบเส้นเงินว่าไปถึงใครและมีใครมาเกี่ยวข้องอีก หากพบหลักฐานไปถึงใครก็จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่สูงกว่าหรือคนรอบข้าง ขณะเดียวกันตรวจสอบเงินเข้าบัญชีที่พบโอนเข้าโดยตรงซึ่งถือเป็นร่องรอยเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ได้สืบสวน โดยพบว่ามีการโอนเงินหลักหมื่นหลักแสนเข้ามาหลายครั้งทำให้เชื่อว่าน่าจะทำมาแล้วหลายครั้ง

ด้าน นายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขา ปปท ตั้งข้อสังเกตว่ากรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำผิดใช้ตำแหน่งหน้าที่เรียกรับเงิน พบว่าหลายกรณีในช่วงหลังพบเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ใกล้เกษียณเหลืออายุราชการอีกปี 2 ปี คิดว่าน่าจะเป็นความพยายามในการกอบโกยหาผลประโยชน์ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ให้มากที่สุดก่อนเกษียณอายุราชการ แต่ยืนยันว่ากรณีเหล่านี้เป็นกรณีส่วนบุคคลหรือปัจเจกบุคคล โดยไม่คิดว่าเป็นการใช้อำนาจหน้าที่รังแกหรือซ้ำเติมประชาชน เมื่อประชาชนเดือดร้อนก็ต้องมาร้องเรียนเจ้าหน้าที่ก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย

การจะคุมในครั้งนี้เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่หลังจากนี้ไปหากพยานหลักฐานหรือเส้นเงินไปถึงใครก็เตรียมตัวไว้ เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดรุมกินโต๊ะชาวบ้านผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานก็จะบังคับใช้กฎหมายรุมกินโต๊ะเจ้าหน้าที่ที่ทำแบบนี้ด้วยเช่นกัน

ร่วมแสดงความคิดเห็น