ชาวบ้านห้วยสักโอด! โดนเวนคืนที่ดินสร้างสถานีรถไฟ ทำชีวิตเคว้ง

ชาวบ้านห้วยสักโอด! โดนเวนคืนที่ดินสร้างสถานีรถไฟ ทำชีวิตเคว้ง เงินที่ได้ไม่พอใช้หนี้ จะซื้อที่ดินใหม่ก็ไม่พอ

วันที่ 23 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวติดตามกรณีชาวบ้าน ต.ห้วยสัก อ.เมืองเชียงราย ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ หลังจากถูกการรถไฟเวณคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างสถานีรถไฟ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ ไทย-ลาว-จีน แต่ชาวบ้านในพื้นที่พบปัญหาใหญ่ เพราะเงินค่าเวนคืนที่ได้ ไม่เพียงพอทั้งการชำระหนี้ของ ธกส. หรือแม้แต่จะนำเงินไปซื้อที่ดินแห่งใหม่ก็ไม่พอกับค่าที่ดินอีก เผยการรถไฟจ่ายเงินชดเชยให้แค่ค่าต้นไม้และค่ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ไม่ได้รับค่าที่ดิน เพราะที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยปุย เคยไปยื่นร้องขอความเป็นธรรมกับหลายงาน แต่ไม่มีความคืบหน้า หวังสื่อเป็นที่พึ่งสุดท้าย

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนายวิรัตน์ อายุ 64 ปี ชาวบ้านใหม่สันป่าเหียง ม.25 ต.ห้วยสัก เล่าว่า ตนถูกเวณคืนที่ดินเนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ เพื่อไปก่อสร้างเป็นสถานีรถไฟ โดยตอนมาสำรวจทางเจ้าหน้าที่บอกว่าที่ดินตนจะได้ค่าเวนคืนประมาณ 2 ล้านบาท ตนก็ดีใจ เพราะจะมีเงินไปคืน ธกส. กว่า 1 ล้านบาท ซึ่งตนกู้ยืมมาสร้างบ้าน โรงเรือนเลี้ยงไหม โรงเรือนเลี้ยงหมู โรงสีข้าว และลงทุนทำการเกษตรตามแนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แต่พอถึงตอนที่ไปทำสัญญารับเงิน ตนกลับได้เงินมาแค่ 8.2 แสนบาท เขาบอกว่าให้แค่ค่าต้นไม้และค่ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ส่วนที่ดินอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยปุย จะไม่ได้รับเงินจากการเวนคืนดังกล่าว ทำให้เงินที่ได้ไม่พอทั้งการใช้หนี้ ธกส. หรือจะนำเงินที่ได้ไปซื้อที่ดินผืนใหม่ก็ไม่พออีก จะไม่รับก็ไม่ได้ เจ้าหน้าที่บอกรับไปก่อนแล้วค่อยไปอุทธรณ์ทีหลัง แต่หลังจากนั้นตนไปยื่นอุทธรณ์มาหลายที่ก็ไม่เป็นผล ตอนนี้ตนก็เลยประสบปัญหา เพราะจะปลูกข้าว เลี้ยงไหม เลี้ยงหมู หรือทำการเกษตรอื่นก็ไม่ได้ เขาห้ามไม่ให้ทำ

นายวิรัตน์ เผยต่อว่า ตนดีใจที่จะมีการสร้างทางรถไฟ จะได้มีการพัฒนา นำความเจริญมาสู่พื้นที่ ตนไม่เคยจะคิดขัดขวาง แต่จำนวนเงินที่ได้จากการเวนคืนมันน้อยเกินไป ทำอะไรไม่ได้ ทุกวันนี้ตนคิดมากจนเครียด บางครั้งก็มีความคิดอยากฆ่าตัวตายก็มี เพราะไม่รู้จะไปทางไหนต่อ ตนคิดว่าถึงจะเจอเหตุไฟไหม้หรือน้ำท่วมก็คงดีกว่าถูกเวนคืนเหมือนตน เพราะยังเหลือที่ดิน แต่ตนไม่เหลืออะไรเลย ตนเครียดจนเมียและเพื่อนบ้านต้องช่วยกันปลอบ ถึงตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิต หวังสื่อมวลชนเป็นที่พึ่งสุดท้าย

ด้านนายวิศาสตร์ อายุ 57 ปี ชาวบ้านสันป่าเหียง ม.13 ต.ห้วยสัก อ.เมืองเชียงราย กล่าวว่า ตนถูกการรถไฟเวนคืนที่ดินประมาณ 7-8 ไร่ ซึ่งเขาคิดราคาเวณคืนให้เฉพาะค่าสิ่งปลูกสร้างและต้นไม้ ทีแรกตอนมาประเมิน เจ้าหน้าที่บอกกับตนว่า ตนจะได้ค่าเวนคืนประมาณ 4 ล้านบาท ตนก็คิดว่าเป็นราคาที่น่าพึงพอใจ แต่พอวันทำสัญญา เจ้าหน้าที่กลับบอกว่าตนได้แค่ 8 แสนบาท เพราะที่ดิน สปก.ที่พวกตนอยู่อาศัย มันไปออกทับที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตนไปยื่นทักท้วงทั้งการรถไฟ สปก. ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานอื่นๆ แต่เรื่องกลับเงียบ ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างได

นายวิรัตน์และนายวิศาสตร์ ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูที่ดินที่ถูกเวนคืน ซึ่งเป็นที่นาและบ้าน โดยเฉพาะบ้านของนายวิรัตน์ซึ่งกู้ยืมเงิน ธกส. มาลงทุนสร้างสิ่งปลูกสร้าง 7 หลัง และทำการเกษตรตามแนวทางทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง แต่หลังถูกเวนคืนก็รู้สึกว่าชีวิตเคว้งคว้าง ไปต่อทางไหนก็ไม่ได้ และยังมีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการเวณคืนที่ดินดังกล่าวอีก 2-3 ราย ที่มารวมตัวกัน โดยบอกกับผู้สื่อข่าวว่าพวกตนโดนเวนคืนที่นา ซึ่งทางการรถไฟบอกว่าเป็นที่ สปก.ที่ทับกับที่ดินของป่าสงวนแห่งชาติ จึงไม่ได้รับเงินค่าเว้คืนแม้แต่บาทเดียว โดยมีชาวบ้านที่เดือดร้อนจากการเวนคืนทั้งหมด 13 ราย ส่วนรายอื่นที่โดนเวนคืนแต่ไม่ได้ร่วมร้องเรียนก็เพราะพวกเขาโดนเวณคืนไม่มาก แต่ทั้ง 13 รายนี้ โดนเวนคืนทั้งหมดหรือบางรายก็โดนเกือบทั้งหมด จึงต้องออกมาร้องขอความเป็นธรรม ดังกล่าว.

ร่วมแสดงความคิดเห็น